เรตติ้ง 6.9 ของ “สังข์ทอง”
จุดพีกของเรตติ้ง “สังข์ทอง 2561” ประจำสัปดาห์ที่แล้ว คือการขึ้นไปแตะตัวเลข 6.619 ณ วันที่ 8 กรกฎาคม ยังไม่ถึงหลัก 7.0 หรือ 7.1 ซึ่งเคยทำได้ก่อนหน้านี้
ขณะเดียวกัน หากพิจารณาจากสถิติระหว่างวันที่ 2-8 กรกฎาคม 2561 “สังข์ทอง” ก็ไม่ใช่โปรแกรมยอดนิยมอันดับหนึ่งของช่อง 7 และของประเทศไทย เฉกเช่นสัปดาห์ก่อนหน้า
เพราะอย่างน้อยยังมีละคร “เพชรร้อยรัก” (ตอนอวสาน) ที่ออกอากาศทางช่อง 7 เหมือนกัน ซึ่งโกยเรตติ้งไปถึง 7.759
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาเฉพาะในวันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม “สังข์ทอง” ยังถือเป็นรายการยอดฮิตอันดับแรกประจำวันนั้น
แม้ว่าวันดังกล่าวจะเป็น “ดีเดย์” ของจุดเริ่มต้นปฏิบัติการพาสมาชิกทีม “หมูป่า อะคาเดมี” ออกจากถ้ำหลวง
แต่รายการข่าวและรายงานสถานการณ์สดของช่องไทยรัฐทีวีและช่อง 7 ที่ว่ามาแรง ด้วยตัวเลขความนิยม 3 ปลายๆ ถึง 4 กลางๆ
ก็ยังสู้เรตติ้งไม่ถึง 7 ของ “สังข์ทอง” ไม่ได้
ที่มาข้อมูล
https://www.tvdigitalwatch.com/25-rating-week2-8july-61/
https://www.tvdigitalwatch.com/analysis-10rating-8-07-2561/
“แว่นตาท้าวสามนต์” ของเก่าของแก่ มิใช่เพิ่งมีในละครจักรๆ วงศ์ๆ ยุคใหม่
หลายคนอาจเข้าใจผิดว่า “แว่นตา” ของ “ท้าวสามนต์” นั้น เป็นไอเดียใหม่ๆ แผลงๆ ของคนทำละครจักรๆ วงศ์ๆ ในปี 2550 และ 2561
แต่เมื่อตรวจสอบเนื้อหาของบทละครนอกเรื่อง “สังข์ทอง” ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2 แล้ว กลับพบประเด็นน่าตื่นเต้นมากๆ เพราะมีการระบุถึง “แว่นตา” ของ “ท้าวสามนต์” เอาไว้ในบทประพันธ์ด้วย!
โดยใน “ตอนที่ 8 พระสังข์ตีคลี” ได้กล่าวถึง “แว่นตาท้าวสามนต์” ไว้ว่า
เมื่อนั้น
ท้าวสามนต์ร้องรับให้ดีพ่อ
ตบมืออือเออชะเง้อคอ
เห็นลูกเขยเป็นต่อหัวร่อคัก
ลุกขึ้นโลดเต้นเขม้นมุ่ง
พลัดผลุงลงมาขาแทบหัก
มึนเมื่อยเหนื่อยบอบหอบฮัก
พิงพนักนั่งโยกตะโพกเพลีย
ฉวยคนโทถมยามาดื่มน้ำ
หกคว่ำสำลักแล้วบ้วนเสีย
หยิบบุหรี่จุดไฟไหม้ลามเลีย
วัดถูกจมูกเมียไม่รู้ตัว
สาละวนตึงตังกำลังวุ่น
แม่คุณขอโทษอย่าโกรธผัว
พี่ก็พานแก่ชราหูตามัว
ไม่เห็นตัวว่าใครข้างไหนเลย
ว่าพลางทางเรียกเอาแว่นตา
ใส่จมูกแหงนหน้าดูลูกเขย
ลุกขึ้นมองร้องเออชะเง้อเงย
ยายเอ๋ยอย่าปรารมภ์เป็นรองเรา
แล้วผินมาด่าหกเขยใหญ่
เอออะไรกินข้าวสุกเสียเปล่าเปล่า
สำคัญคิดว่าดีอ้ายขี้เค้า
ออกตีคลีแพ้เขาประเดี๋ยวใจ
มิใช่แค่ “ท้าวสามนต์” หากตัวละครอื่นๆ บางราย ในบทละครนอกเรื่อง “สังข์ทอง” ก็มี “แว่นตา” ใส่เช่นกัน อาทิ “โหราจารย์” (ผู้มีส่วนร่วมในการปั้นความเท็จใส่ร้าย “พระสังข์” ตอนเด็ก) ของ “ท้าวยศวิมล”
ดังบทประพันธ์ใน “ตอนที่ 1 กำเนิดพระสังข์” ที่บรรยายไว้ว่า
บัดนั้น
โหรใหญ่สงสัยเป็นหนักหนา
รับเอาหนังสือที่มือมา
ใส่แว่นตาดูก็รู้ความ
นิ่งนึกตรึกตรองอยู่ในใจ
โลภเห็นแต่จะได้ไม่เกรงขาม
แม้นกูมิรับกลับความ
ทองคำสามชั่งจะคืนไป
ถ้ากูแก้ไขนางจันทา
เงินตราห้าชั่งนั้นจะได้
จึงว่ากับสาวศรีด้วยดีใจ
พอแก้ไขได้เป็นไรมี
แลเหลียวเปลี่ยวคนที่บนเรือน
อิดเอื้อนจะใคร่ประสมศรี
สาวใช้เจ้าเข้าไปในที่
วานหยิบบุหรี่ที่ริมเตียง
ทั้งนี้ “แว่นสายตา” คือประดิษฐกรรมที่ถูกคิดค้นสร้างสรรค์ (ต่อยอด) ขึ้นเป็นครั้งแรกทางตอนเหนือของอิตาลี ตั้งแต่ ค.ศ.1290
มีหลักฐานระบุว่า “แว่นสายตา” ได้ถูกนำเข้ามายังเมืองจีนในช่วงศตวรรษที่ 15 หรือราวๆ 600 ปีก่อน
บุคคลสำคัญคนหนึ่งในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกายุคก่อตั้งประเทศอย่าง “เบนจามิน แฟรงคลิน” ก็ต้องพึ่งพา “แว่นสายตา” เนื่องจากเขามีทั้งอาการสายตาสั้นและสายตายาว
แฟรงคลินมีชีวิตระหว่าง ค.ศ.1706-1790 (พ.ศ.2249-2333) ขณะที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (ในหลวงรัชกาลที่ 2) เสด็จพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ.2310 และเสด็จสวรรคตเมื่อ พ.ศ.2367 โดยทรงครองราชย์ระหว่าง พ.ศ.2352-2367
จึงเป็นไปได้สูงว่าในสมัยรัชกาลที่ 2 นั้น คนไทย/คนสยามบางส่วน (เช่น ชนชั้นนำของสังคม) น่าจะรู้จักและเริ่มใช้สอย “แว่นสายตา” กันบ้างแล้ว
หลักฐานที่ช่วยยืนยันสมมุติฐานข้างต้น ก็คือ บทละครนอกเรื่อง “สังข์ทอง”
ที่มาข้อมูล
https://en.wikipedia.org/wiki/Glasses
ภาพประกอบ (สังข์ทอง)
ภาพประกอบ (เบนจามิน แฟรงคลิน)
Benjamin Franklin. Coloured aquatint by P. M. Alix, 1790, af Wellcome L0005542.jpg
See page for author [CC BY 4.0 (https://creativecommons.org/licenses/by/4.0)], via Wikimedia Commons
3 Comments