สืบเนื่องจาก Faces Places เมื่อ “อานเญส วาร์ดา” พูดถึง “โกดาร์ด” และเหตุสะเทือนอารมณ์ในหนัง

เพิ่งได้ไปดูหนังสารคดีเรื่อง Faces Places ของ “อานเญส วาร์ดา” และ “เจอาร์” ช่วงหนึ่งในภาพยนตร์ที่ผมชอบมากๆ ก็คือ ช่วงท้าย ที่สองผู้กำกับฯ เดินทางไปพบ “ฌอง-ลุค โกดาร์ด” อีกหนึ่งคนทำหนังรายสำคัญของฝรั่งเศส ที่บ้านพัก แต่กลับถูกโกดาร์ดต้อนรับด้วยวิธีการที่แปลกประหลาดและเลือดเย็นเอามากๆ

หลังออกจากโรงหนัง เลยพยายามลองเสิร์ชหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต ถึงรายละเอียด มูลเหตุ และภาวะคลี่คลายตัวของซีนดังกล่าว ซึ่งพบว่าบทสัมภาษณ์ที่วาร์ดาและเจอาร์พูดคุยกับ “จาดา หยวน” แห่ง www.vulture.com นั้นอธิบายเรื่องนี้ไว้ได้ครอบคลุมดีทีเดียว

จึงตัดสินใจแปลเนื้อหาบางส่วนมาให้อ่านกันในบล็อกครับ

Capture d_écran 2017-06-23 à 19.50.14

จาดา: ตอนท้ายของหนัง มันจะมีช่วงเวลาที่คุณเดินทางไปเยี่ยม ฌอง-ลุค โกดาร์ด คุณพยายามจะกดกริ่งเรียกเขา แต่แทนที่จะออกมาต้อนรับคุณ เขากลับเขียนข้อความทิ้งไว้ตรงหน้าต่าง ซึ่งบ่งชี้ว่าเขาจะเทคุณและไม่อนุญาตให้คุณเข้าไปในบ้าน คุณอ่านข้อความดังกล่าวอย่างมีอารมณ์ ตามความเข้าใจของฉัน ข้อความของเขาพาดพิงถึง ฌาคส์ เดมี สามีของคุณ (ที่ล่วงลับไปแล้ว) ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของโกดาร์ดเช่นเดียวกับคุณ อยากให้คุณช่วยอธิบายให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม? ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในสถานการณ์ตอนนั้น

วาร์ดา: วันหนึ่ง เจอาร์บอกกับฉันว่า “ผมอยากพบเขา (โกดาร์ด) คุณเป็นคนโชคดีที่ได้รู้จักเขา” คุณย่อมรู้ว่าเมื่อคุณมีเพื่อนฝูง คุณก็ต้องอยากแนะนำให้พวกเขาได้รู้จักกัน ดังนั้น ฉันจึงคิดว่าสำหรับเจอาร์ มันคงเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ดี หากฉันพาเขาไปหาโกดาร์ด ซึ่งฉันเองก็ไม่ได้พบหน้าค่าตามาสักพักหนึ่งแล้ว ปกติ เราจะนัดพบกันทุกๆ 4 หรือ 5 ปี เพื่อสนทนาพูดคุย จากนั้น จึงมีการติดต่อกับโกดาร์ด ผ่านทางโรซาลี (ลูกสาวของวาร์ดา) และการโทรศัพท์พูดคุยกัน แล้วเขาก็นัดแนะให้พวกเราไปพบ

เจอาร์: เขาอยู่ที่บ้านของเขา

วาร์ดา: โกดาร์ดนัดเราไปพบในเวลา 11.30 น. พวกเราจึงวางแผนไว้ว่าจะนั่งรถไฟไปพบเขา แต่แล้ว ก็มีโทรศัพท์ติดต่อมาถึงโรซาลีว่า “ฌอง-ลุค อยากจะขอเจอเราตอน 9.30 น.” ดังนั้น พวกเราจึงตัดสินใจเดินทางไปยังเมืองที่เขาอาศัยอยู่ตั้งแต่คืนก่อนหน้าวันนัดพบ เราต้องจองห้องพักในโรงแรม และวันรุ่งขึ้น เวลา 9.25 น. เราก็มุ่งหน้าไปหาเขา ทว่า บางสิ่งที่พวกเราไม่คาดคิดกลับบังเกิดขึ้น มันกลายเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์และถูกนำเสนอลงไปในหนังเรื่องนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นมันเซอร์ไพรส์ฉันหนักมาก จนน้ำตาไหลออกมา และเราก็เลือกจะเก็บเหตุการณ์ช่วงนั้นเอาไว้ในภาพยนตร์ เพราะเราคิดว่า ด้วยความสัตย์จริง เรามองเห็นทุกอย่างกำลังดำเนินไปด้วยดีและน่าเบิกบานใจมากๆ แล้วจู่ๆ เราก็ชนเข้ากับกำแพงอย่างจัง เหตุผลที่เราเลือกเก็บภาวะชนกำแพงเอาไว้ในหนังเวอร์ชั่นสุดท้าย ก็เพราะนั่นคือประตูที่ปิดตายของภาพยนตร์เรื่องนี้ มันคือสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นกับทุกชีวิต อาจจะครั้งหรือสองครั้ง หรือบางที บางคนก็อาจไม่เคยพบเจอมัน เรื่องแบบนี้มันเคยเกิดกับเธอ (เจอาร์) สักครั้งไหม? คงไม่หรอก เธอไม่น่าจะเคยเจออะไรแบบนี้

เจอาร์: เอ่อ เคยสิ

วาร์ดา: เธอออกจะเป็นพ่อหนุ่มอารมณ์ดี

เจอาร์: (หัวเราะ) ไม่จริงหรอก เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นกับทุกคนนั่นแหละ แต่มักจะเกิดขึ้นในวันเวลา ที่เราไม่ได้คาดหวังให้มันเกิด

วาร์ดา: สิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวด ก็คือ เรื่องราวความสัมพันธ์กับฌาคส์ เดมี ซึ่งฉันนั้นคิดถึงเขามากๆ และฉันยังคงรักเขาอยู่ เมื่อโกดาร์ดระบุถึงฌาคส์ มันจึงกลายเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสและเจ็บปวดอย่างยิ่ง แต่แล้ว เราก็คิดได้ว่า เราควรจะสงบสติอารมณ์ลง เราจึงเดินไปยังทะเลสาบเพื่อสงบจิตใจ จากนั้น เจอาร์ก็พยายามอธิบายอะไรบางอย่างให้ฉันฟัง ซึ่งฉันก็เชื่อเช่นนั้นพอดี เจอาร์เฉลียวฉลาดมากที่เข้าใจเรื่องดังกล่าว ว่าโกดาร์ดได้เขียนส่วนเสี้ยวหนึ่งของบทภาพยนตร์ขึ้นมา เขาได้ใส่องค์ประกอบบางอย่างเข้ามาในหนังเรื่องนี้ ซึ่งมันอาจจะดียิ่งกว่าการที่พวกเราได้พบเจอพูดคุยกันเสียอีก

จาดา: หลังจากเหตุการณ์วันนั้น คุณได้พูดคุยกับโกดาร์ดบ้างไหม? เขาได้ดูหนังเรื่องนี้หรือเปล่า?

วาร์ดา: ฉันส่งดีวีดีไปให้เขา แต่ไม่มีคำตอบใดๆ กลับมา แต่เขาก็เป็นคนประหลาดๆ อย่างนี้อยู่แล้ว สมัยยังเป็นหนุ่มสาว พวกเราเคยเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกันมากๆ แต่คุณคงรู้ เมื่อเราอายุมากขึ้นๆ จาก 30 สู่ 40 เขาก็เปลี่ยนไป เขาหันไปทำหนังการเมือง แล้วเขาก็เดินทางไปอเมริกา พวกเราก็เลยขาด มันควรจะเรียกว่าอะไรนะ ขาดการแสดงความเห็นร่วมกันหรือเปล่า? ซึ่งเราก็แทบไม่ได้พบหน้ากันเลย

เจอาร์: คุณคงหมายถึงขาดการติดต่อซึ่งกันและกัน

วาร์ดา: เราไม่ได้ติดต่อกัน แต่ฉันก็ยังได้เจอเขาตามที่โน่นที่นี่อยู่บ้างนะ เวลาเขาฉายหนังของตัวเองที่ปารีส ฉันก็จะได้พบหน้าทักทายเขาประมาณห้านาที แล้วฉันก็รู้ว่าเขาชอบหนังเรื่อง The Gleaners and I (หนังในปี 2000 ของวาร์ดา ซึ่งเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับบรรดาคนเก็บขยะที่สร้างสรรค์ผลงานศิลปะในพื้นที่ชนบทของฝรั่งเศส) แต่สำหรับเหตุการณ์ในวันนั้น ฉันไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าโกดาร์ดจะทำอะไรแบบนั้น ทว่า การกระทำของเขาก็ช่วยสร้างเสริมอะไรบางอย่างให้แก่หนังเรื่องนี้นะ ว่าแต่คุณชอบซีนนั้นไหม?

จาดา: สิ่งที่จับใจฉันมากๆ ก็คือ คุณเดินจากมาด้วยความรู้สึกที่โกรธโกดาร์ดจนแทบคลั่ง แต่คุณก็ยังยกย่องเขาอยู่ด้วยประโยคว่า “แต่ฉันยังคงชื่นชมเขา” ฉันรู้สึกว่าคุณช่างใจกว้างเหลือเกินในสถานการณ์แบบนั้น

วาร์ดา: คุณคงรู้ว่าเมื่อฉันรักใครสักคน ฉันย่อมไม่สามารถโยนเขาออกไปจากชีวิตได้ ความรักไม่ใช่สิ่งที่คุณคิดอยากจะเปิดก็เปิด คิดอยากจะปิดก็ปิด ฉันยังคงรำลึกถึงความรักที่ตนเองมีต่อเขา ในฐานะที่เขาเป็นเพื่อนของฌาคส์ เดมี พวกเราเคยไปท่องเที่ยวด้วยกันในวันหยุด พวกเราเคยสำเริงสำราญกับชีวิตพร้อมหน้ากัน และฉันก็ไม่สามารถลบเลือนภาพเหล่านั้นออกไปได้ ยิ่งกว่านั้น ฉันยังเคารพผลงานของโกดาร์ด สำหรับฉัน เขาคือนักประดิษฐ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการภาพยนตร์ เขาเป็นนักค้นคว้า เป็นปราชญ์แห่งวงการหนัง ซึ่งหาได้ยากยิ่งบนโลกใบนี้ เขามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงเคารพต่อสถานะดังกล่าวของโกดาร์ดจากใจจริง แต่นั่นหมายความว่าเขาต้องเป็นคนนิสัยดีด้วยหรือเปล่า? มันไม่เกี่ยวกันเลยนะ คุณเข้าใจใช่ไหม? ในฐานะคนทำหนังฉันยังคงเคารพชื่นชมโกดาร์ด แต่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ในฐานะมิตรสหายคนหนึ่ง ณ ปัจจุบัน ดูเหมือนเขาจะเป็นคนประเภทเฉยชาไร้มิตรจิตมิตรใจมากขึ้นเรื่อยๆ

คลิกอ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่ http://www.vulture.com/2017/10/agnes-varda-and-jr-interview-faces-places.html

 

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.