คนจรฯลฯ
ต่างคนต่างมีที่มา
ต่างคนต่างค้นหาซึ่งจุดหมาย
ต่างคนต่างอยากสานฝันอันเพริศพราย
ให้กลับกลายเป็นจริงสมใจตน
หากแต่เป็นเรื่องของความบังเอิญ
ทำให้ต้องเผชิญหน้ากันอย่างสับสน
ในขณะที่ต่างคนต่างดิ้นรน
อาจมีผลกระทบกันเป็นธรรมดา
หวังอะไรก็ทำอย่างที่หวัง
ที่กระทบกระทั่งกันอย่าถือสา
และแล้วคืนวันและเวลา
จะปรับทุกสิ่งเข้าหากันอย่างสมดุล
อาจมีบางคนลุความฝันสมใจอยาก
อาจมีบ้างที่ฝันพรากและเสียศูนย์
มีคนดีใจมีคนอาดูร
เพิ่มเติมความสมบูรณ์ของชีวิต
คนนี้ยังคงอยู่ตามหาฝัน
คนนั้นก้าวต่อไปตามใจลิขิต
ต่างคนต่างเป็นไปตามความคิด
และสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล
สุดท้ายเหลือเพียงความทรงจำ
ในพฤติกรรมอันสับสน
มีดีมีเลวปะปน
มีคนจรมาและจรไป
หลังชมภาพยนตร์เรื่อง “คนจรฯลฯ” ของอรรถพร ไทยหิรัญ เมื่อปี 2542 ผมเขียนกลอนชิ้นนี้และโพสต์ลงในกลุ่ม “ห้องสมุด” เว็บไซต์พันทิป
ต่อมาผมนำมันไปรวมอยู่ในหนังสือทำมือเล่มแรกของตัวเอง ที่จัดทำเพื่อวางขายในงาน “แฟตเฟส” ครั้งแรก ที่พิเศษกว่านั้นคือ “คนจรฯลฯ” ไม่ได้เป็นเพียงแค่ชื่อของบทกวีชิ้นหนึ่งในหนังสือเล่มนั้น หากยังเป็นชื่อหนังสือ และเป็นนามปากกาที่ผมใช้ ณ ช่วงเวลาดังกล่าวด้วย
เมื่อ “อรรถพร ไทยหิรัญ” ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง “คนจรฯลฯ” เสียชีวิตลงเมื่อปี 2555 ผมจึงรื้อค้นกลอนบทนี้มาเผยแพร่ซ้ำในเฟซบุ๊ก ก่อนที่ทางนิตยสารไบโอสโคปจะติดต่อขอนำไปตีพิมพ์ประกอบสกู๊ปที่ทางกองบก. จัดทำขึ้นเพื่อรำลึกถึงการจากไปของอรรถพร
ล่าสุด หอภาพยนตร์จะจัดฉาย “คนจรฯลฯ” ที่โรงภาพยนตร์ศรีศาลายา ในวันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ เวลา 15.00 น. จึงขออนุญาตนำกลอนเก่าๆ ชิ้นนี้ มาเผยแพร๋อีกหนึ่งหน