อรรถพล ณ บางช้าง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายรายการ บจก.ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป ผู้ให้ทุนสร้างภาพยนตร์เรื่อง “โรงแรมต่างดาว” (Motel Mist) ให้สัมภาษณ์ มติชนออนไลน์ ถึงเหตุผลที่เลื่อนฉายภาพยนตร์ดังกล่าวว่า
เพราะยังไม่เหมาะสมกับช่วงเวลาที่ประชาชนโศกเศร้าเสียใจต่อการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงคิดว่าควรเลื่อนการฉายออกไปก่อน ซึ่งไม่เกี่ยวกับปัญหาเรื่องเนื้อหาที่มีฉากโป๊เปลือย หรือเรื่องการเมืองแต่อย่างใด โดยทางบริษัทก็กำลังตรวจสอบเวลาที่เหมาะสมสำหรับการฉายภาพยนตร์อยู่
คลิกอ่านข่าวฉบับเต็ม http://www.matichon.co.th/news/363689
ขณะเดียวกัน ปราบดา หยุ่น ผู้กำกับภาพยนตร์ ได้ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ http://bk.asia-city.com/ ว่า “ผู้ให้ทุนสร้างรู้สึกไม่โอเคกับเนื้อหาของหนัง หลังจากนั้น พวกเขาจึงบอกกับทีมงานผู้สร้างภาพยนตร์ให้ยุติการฉายหนังเอาไว้ก่อน”
“ในทางเทคนิค พวกเขาคือเจ้าของหนัง ดังนั้น เรา (ทีมงานผู้สร้าง) จึงไม่สามารถลงมือทำอะไรได้ในความเป็นจริง มันเป็นเรื่องแย่มากๆ สำหรับทีมงานผู้สร้างหนังเรื่องนี้ พวกเราทำงานทุกอย่างตามระเบียบการที่ควรเป็น ทางทีมจึงรู้สึกโศกเศร้ากับเรื่องที่เกิดขึ้น” ปราบดา ระบุ
นักเขียนเจ้าของรางวัลซีไรต์ ที่หันมาทำหนัง ไม่ได้ระบุชัดถึงเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งสร้างความรู้สึกไม่สบายใจให้แก่ผู้ออกทุนสร้าง
“โดยส่วนใหญ่แล้ว พวกเขาวิตกกังวลกับซีนอีโรติคและซีนที่มีความรุนแรง แต่ผมก็ไม่แน่ใจมากนัก (ว่าพวกเขากังวลกับซีนใดเป็นพิเศษ)”
อย่างไรก็ตาม ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายกำลังหาทางออกในเรื่องนี้ โดยปราบดากล่าวว่า “พวกเรากำลังสื่อสารกับพวกเขาอยู่ และบางที ทุกฝ่ายอาจได้ทางออกร่วมกัน อย่างไรก็ตาม ณ จุดนี้ ทุกอย่างเกี่ยวกับหนังจะถูกแขวนเอาไว้ก่อน”
คลิกอ่านข่าวฉบับเต็ม http://bk.asia-city.com/movies/news/prada-yoons-motel-mist-pulled-last-minute-screening-program
นอกจากนี้ ในเพจเฟซบุ๊ก Kongdejworkboard ของ คงเดช จาตุรันต์รัศมี ผู้กำกับภาพยนตร์และผู้บริหารบริษัทซองซาวด์ โปรดักชั่น ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงานผู้สร้าง “โรงแรมต่างดาว” ได้โพสต์ข้อความน่าสนใจต่อกรณีนี้ไว้หลายประเด็น อาทิ
“…ก่อนอื่น เราควรจะต้องคอยเคาะกะโหลกตัวเองเสียก่อนว่า เราไม่ได้ทำหนังอิสระอยู่ แต่เป็นแค่กระบวนการที่มีผู้ให้ทุนเรามาทำหนังทางเลือกอยู่ ซึ่งหมายความว่าเราจะไม่มีทางได้เป็นเจ้าของมัน และเมื่อเราไม่ได้เป็นเจ้าของ มันจึงไม่สามารถเรียกตัวเองว่าหนังอิสระได้อย่างเต็มปาก (เช่นเดียวกับ snap ที่ในที่สุด เราก็ไม่ได้เป็นเจ้าของมันเลย แถมเงินไม่พอระหว่างถ่ายทำ จนต้องวิ่งหาทุนเพิ่ม และต้องเอาคอนโดของตัวเองไปโอดีด้วยซ้ำ จนแล้วจนรอด ถึงทุกวันนี้เรากับทองดี (โสฬส สุขุม – โปรดิวเซอร์หนังของคงเดช และเป็นโปรดิวเซอร์ของโรงแรมต่างดาวด้วย) ยังไม่เคยได้เงินจากสองปีที่ทำมันแม้แต่บาทเดียว แต่กลับรู้สึกเป็นหนี้ทั้งทางรูปธรรมและความรู้สึกกับทุกคนที่มาช่วยให้มันเสร็จด้วยซ้ำ)
“ถ้าเราไม่ได้ควักเงินตัวเองมาทำหนัง มันก็ไม่อิสระหรอก ต้องคอยลุ้นทุกครั้งแหละว่าคนที่ให้ทุนเค้าจะโอเคกับหนังที่เสร็จออกมามั้ย เวลาที่มันโอเคเราก็หายใจได้โล่งหน่อย ถ้ามันไม่ค่อยโอ เราก็จะมีความรู้สึกผิดนิดๆ อยู่เรื่อย เพราะที่สำคัญ เราไม่เคยคิดดูถูกผู้ให้ทุนว่า ดูหนังแบบนี้เป็นหรือเปล่า รสนิยมโอเคมั้ย ยังไงไม่ว่าหนังแบบไหนก็เป็นของแพง ให้เงินมาทำก็เหมือนให้โอกาสเราทำงานแบบที่เราเชื่อ นั่นหมายความว่า เอาจริงๆ แล้วที่ผ่านมา เราแค่โชคดีที่เค้าปล่อยให้เราได้ทำแบบที่เราเชื่อแล้วมันออกมาโอเคสำหรับเค้า…”
และ
“…รู้สึกว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับฝั่งที่โดนโจมตีอยู่หน่อย อยากให้มองกรณีนี้เป็นเรื่องความผิดพลาดในแง่กระบวนการมากกว่าจะจ้องด่าว่ามีคนผิด และสาดความโกรธใส่กัน ต้องยอมรับอย่างนึงว่าที่ผ่านมา ทางเขาก็เป็นผู้ให้ทุนในฝันเช่นกัน คือใจกว้าง และไม่เคยก้าวก่ายงานเลย ถึงแม้ว่าเงินลงทุนจำนวนจะไม่มาก บางครั้งไม่พอต้องหามาเพิ่ม แต่นั่นก็เป็นเพราะงบประมาณองค์กร ซึ่งยิ่งหมายความว่า ทุกอย่างไม่ได้ตัดสินใจอยู่บน pleasure ของใครคนใดคนหนึ่งไง ทุกอย่างมันถึงได้มาเป็น package แบบนี้ และกรณีที่เกิดขึ้นตอนนี้ ทุกคนที่เกี่ยวข้องก็ต้องอยู่บนการตัดสินใจที่ไม่มีความสุขกันทั้งนั้น เงินหลายล้านที่เขาลงมา แล้วในที่สุดจะไม่ฉาย เราว่าก็คงเฮิร์ตกันเท่าๆ กับแรงใจคนทำงานที่ทำกันมาเป็นปีๆ…”
คลิกอ่านโพสต์ฉบับเต็ม Kongdejworkboard