“Fire at Sea” ภาพยนตร์สารคดีที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับปัญหาวิกฤตผู้อพยพในทวีปยุโรป กลายเป็นหนังที่ได้รับรางวัล “หมีทองคำ” หรือภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ประจำเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเบอร์ลินครั้งล่าสุด ไปครอบครอง
หนังสารคดีของผู้กำกับชาวอิตาเลียน จานฟรังโก้ โรซี ฉายภาพวิถีชีวิตบนเกาะแลมเปดูซาในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองหน้าด่านสำคัญ ที่ผู้อพยพจากทวีปแอฟริกาจะเดินทางผ่านเข้ามา ก่อนแยกย้ายไปยังเมืองต่างๆ ทั่วยุโรป
โดยโรซีได้นำเสนอภาพเปรียบเทียบระหว่างผู้อพยพที่ทุกข์ยาก ซึ่งพยายามเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมายังทวีปยุโรป กับการใช้ชีวิตประจำวันของประชากรบนเกาะแลมเปดูซา
“ผมหวังว่าหนังเรื่องนี้จะก่อให้เกิดความตระหนักรู้ มันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้เลย ที่มีผู้คนจำนวนมากต้องเสียชีวิตลงขณะกำลังเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล เพื่อพยายามหลีกหนีออกจากโศกนาฏกรรมแห่งชีวิตของพวกเขา” ผู้กำกับชาวอิตาลี กล่าวภายหลังได้รับรางวัล
นอกจากนี้ เขายังอุทิศผลงานของตนเองให้แก่ผู้คนบนเกาะแลมเปดูซา ที่เปิดหัวใจต้อนรับบรรดาผู้อพยพ ซึ่งต้องผ่านการเดินทางอันยากลำบาก ก่อนจะมาถึงเกาะแห่งนี้
ขณะที่ประธานคณะกรรมการตัดสินรางวัล อย่างเมอรีล สตรีพ ระบุว่า หนังเรื่องนี้เป็นการผสมผสานภาพฟุตเทจในเชิงสารคดีเข้ากับเรื่องเล่าที่ผ่านการคิดใคร่ครวญมาเป็นอย่างดี ได้อย่างกล้าหาญ ส่งผลให้คนดูได้ตระหนักถึงศักยภาพของภาพยนตร์สารคดี ซึ่งมีทั้งความฉับไวทันสถานการณ์, เปี่ยมจินตนาการความคิดสร้างสรรค์ และมีความเป็นหนังอย่างที่ภาพยนตร์ที่ดีพึงมี
การได้รับรางวัลหมีทองคำของโรซี ถือเป็นการได้ครองรางวัลสูงสุดจากเทศกาลหนังระดับเมเจอร์หนที่สองของเขา โดยก่อนหน้านี้ หนังสารคดีเรื่อง “Sacro Gra” ของผู้กำกับชาวอิตาเลียนรายนี้ เคยได้รับรางวัล “สิงโตทองคำ” จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิส เมื่อปี 2013
ส่งผลให้ชื่อของโรซีถูกจับตาจากแวดวงภาพยนตร์นานาชาติ เพราะมีไม่บ่อยครั้งนัก ที่ภาพยนตร์สารคดีจะสามารถเบียดหนังเล่าเรื่องขึ้นมาคว้ารางวัลใหญ่ของเทศกาลหลัก ทว่า เขากลับสามารถสร้างปรากฏการณ์ดังกล่าวได้ซ้ำกันถึงสองหน ในสองเทศกาล
ก่อนหน้าจะได้รับรางวัล โรซีให้สัมภาษณ์กับ เดอะ ฮอลลีวู้ด รีพอร์ทเตอร์ ว่าเป็นโอกาสอันดี ที่หนังเรื่องนี้ได้มาฉายที่เบอร์ลิน ซึ่งเป็นเมืองที่มีการทุบทำลาย “กำแพง” ที่ใช้แบ่งแยกผู้คนออกจากกัน เขาระบุว่า ในปัจจุบัน ประชาคมยุโรปกำลังก่อร่างสร้างกำแพงชนิดใหม่ขึ้นมา เพื่อแยกประชากรของตนเองออกจากผู้คนที่ต้องอพยพหนีภัยสงครามและความตาย
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่ประชาคมยุโรปควรจะทำ ผมต้องการให้พวกเราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งซึ่งช่วยแก้ไขปัญหา”
ทั้งนี้ ผู้กำกับชาวฟิลิปปินส์ “ลาฟ ดิแอซ” ก็ได้นำภาพยนตร์ความยาวร่วม 8 ชั่วโมง เรื่อง “A Lullaby to the Sorrowful Mystery” ขึ้นไปคว้ารางวัลหมีเงิน สาขาอัลเฟรด บาวเออร์ ไพรซ์ ซึ่งมอบให้แก่ภาพยนตร์ที่เปิดมุมมองใหม่ๆ ให้แก่ผู้ชม
ที่มา บีบีซี, อินดี้ไวร์ และ ฮอลลีวู้ด รีพอร์ทเตอร์